วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

รู้เรื่อง..เครื่องหมายจราจร



                     หลังจากที่วันก่อนนำขั้นตอนการทำใบขับขี่มาเล่าสู่กันฟังแล้ว  ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าเครื่องหมายจราจรที่เราเห็นกันอยู่ตามที่ต่างๆ มันหมายความว่าอะไร 


                                                 ป้ายบังคับ


ป้ายบังคับ  คือป้ายที่มีผลทางกฎหมาย
ลักษณะทั่วไป เป็นรูปวงกลมสีพื้นใช้สีขาว เส้นขอบป้าย และเส้นขีดกลางใช้สีแดง เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์บนป้ายใช้สีดำ ยกเว้น  ป้ายหยุด เป็นรูปแปดเหลี่ยม ป้ายให้ทาง เป็นรูปสามเหลี่ยม ป้ายห้ามจอดเป็นรูปวงกลม จะใช้พื้นสีน้ำเงิน ขอบและเส้นขีดกลางใช้สีแดง





ป้ายเตือน

ป้ายเตือน คือป้ายซึ่งใช้เตือนผู้ขับขี่ยานพาหนะ ให้ระมัดระวังก่อนถึงจุดที่อาจจะเกิดอันตรายได้ง่าย
ลักษณะทั่วไป เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมุมขึ้น หรือรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
เฉพาะป้ายเตือนความเร็ว  สีพื้นใช้สีเหลือง เส้นขอบป้าย  เครื่องหมาย สัญลักษณ์ ตัวเลข ตัวอักษรบนป้ายใช้สีดำ
ป้ายเตือนในงานก่อสร้าง  สีพื้นใช้สีแดง เส้นขอบป้าย  เครื่องหมาย สัญลักษณ์ ตัวเลข ตัวอักษรบนป้ายใช้สีดำ

ป้ายแนะนำทั่วไป

ป้ายแนะนำทั่วไป เพื่อใช้แนะนำผู้ขับขี่ ไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างถูกต้อง และให้ข้อมูลต่างๆที่จำเป็นในการเดินทางตลอดระยะทางนั้นๆ  ซึ่งป้ายแนะนำทั่วไปมีอยู่ 2 แบบ คือ พื้นสีขาวและพื้นสีน้ำเงิน สำหรับป้ายแนะนำบนทางหลวงพิเศษหรือทางด่วนใช้พื้นสีเขียว ดังภาพตัวอย่าง







วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

มาทำใบขับขี่กันดีกว่า....

                                 ขับรถยนต์ได้มาก็สองปีกว่าๆแล้ว ว่าจะไปทำใบขับขี่ แต่ก็ท้อที่จะต้องไปนั่งอบรมเลยผลัดวันประกันพรุ่งอยู่นั่นแหละ จนแล้วจนรอดก็เลยยังไม่ได้ไปทำใบขับขี่กับเค้าซักที
                                  วันนี้นึกครึ้มอกครึ้มใจอยากจะไปทำใบขับขี่ขึ้นมา เลยมานั่งหาข้อมูลขั้นตอนการทำใบขับขี่ว่าเค้าทำกันยังไง  มาดูกันดีกว่าจะได้เตรียมตัวให้พร้อมก่อนลงสนามจริง..
 อันดับแรกเราต้องรู้คุณสมบัติของผู้ที่จะสอบใบขับขี่กันก่อน


คุณสมบัติผู้สอบใบขับขี่รถยนต์อีเมล
        1. ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี
2. มีความรู้ความสามารถในการขับรถ
3. มีความรู้ในข้อบังคับการเดินรถ
4. ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถบังคับรถได้
5. ไม่มีโรคประจำตัวที่เห็นได้ว่าอาจเป็นอันตรายขณะขับรถ
6. ไม่เป็นบุคคลทุจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
7. ไม่มีใบอนุญาตขับรถชนิดเดียวกันอยู่แล้ว
8. ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกยึดหรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ
หมายเหตุ สำหรับผู้ที่มีร่างกายพิการ ดังต่อไปนี้ เมื่อต้องการมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์
 จักรยานยนต์ ต้องขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ขนส่งฯ ก่อน จึงจะทำได้ 
- แขนขาดข้างเดียว 
- ขาขาดข้างเดียว 
- ตาบอดข้างเดียว 
- ลำตัวพิการ 
- หูหนวก 
หลักฐานประกอบการยื่นขอใบอนุญาตขับรถ
1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมตัวจริง
2. สำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการ หรือหลักฐานอื่น ๆ ที่ใช้แทนบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมตัวจริง 
3. สำเนาทะเบียนบ้านพร้อมตัวจริง
4. หลักฐานการขออนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร (ใบสำคัญคนต่างด้าว) เป็นการชั่วคราว
ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และหลักฐานแสดงถิ่นที่อยู่ 
5. ใบรับรองแพทย์ ไม่เกิน 15 วัน
6. รูปถ่ายครึ่งตัวหน้าตรง ไม่สวมหมวกและแว่นดำ เว้นแต่บุคคลซึ่งจำเป็นต้องสวมหมวก
 หรือโพกผ้าตามลัทธิศาสนาของตน ขนาด 3 X 4 เซนติเมตร(1 นิ้ว) จำนวน 2 รูป ซึ่งถ่ายก่อน
วันยื่นคำขอไม่เกิน 6 เดือน  (หากไม่มีรูปถ่ายไม่เป็นไร ทำเป็นแบบสมาท์การ์ดได้)
7. แบบคำขอรับใบอนุญาตขับรถ ของกรมการขนส่งทางบก (ขอรับแบบฟอร์มได้ที่กรมขนส่ง)


สำหรับขั้นตอนการทำใบขับขี่ตอนนี้เปลี่ยนแปลงจากวันเดียวมาเป็น 2 วัน (เอาล่ะซีเสียเวลาหนักเลย
รู้งี้รีบทำซะตั้งแต่ใช้เวลาวันเดียวก็ดีแล้ว)


ขั้นตอนการสอบในวันแรก คือ

ขั้นตอนการยื่นหลักฐานและการสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตขับขี่

1.ยื่นเอกสารและหลักฐานในการขอรับใบอนุญาตขับขี่

2.สอบสมรรถภาพทางร่างกาย มีดังต่อไปนี้

1.ทดสอบตาบอดสี


จะมีเจ้าหน้าที่คอยชี้จุดแต่ละจุดให้เราตอบว่าเป็นจุดสีอะไร



2.ทดสอบสายตาทางลึก
โดยผู้สอบต้องนั่งที่เก้าอี้ จะมีกล่องบนโต๊ะ มีปุ่มสีแดงให้กด 
แล้วมองไปที่ช่องสี่เหลี่ยมข้างหน้า จะมีเสาเล็กๆอยู่ข้างใน 2 เสา
 เมื่อเรากดปุ่มสีแดง เสาด้านซ้ายจะถอยหลังไปจนสุด แล้วปล่อย
ปุ่ม แล้วก็กดอีกที แล้วเสาเล็กๆจะเลื่อนมาข้างหน้า คุณต้องกะให้
มันตรงกับเสาเล็กๆทางด้านขวา





3.ทดสอบสายตาทางกว้าง
คล้ายๆเครื่องวัดสายตา โดยให้เราเอาหน้าวางไว้ตรงที่เขากำหนด
 แล้วต้องมองไปจุดสีเหลืองข้างหน้าเท่านั้นแล้วเขาจะกดปุ่มสีแดง
 เหลือง เขียว มันจะมีแสงออกมาทางด้านซ้าย และ ขวาของหางตา
 ต้องตอบสีให้ถูก









4ทดสอบการใช้เท้า
เขาจะมีคันนเร่งให้เหยียบแล้วมองกราฟข้างหน้า ถ้าไฟแดงขึ้นให้
เหยียบเบรกห้ามเกินเส้นที่กำหนด











                  เมื่อทดสอบทุกอย่างผ่านแล้ว ก็ต้องเข้าไปนั่งอบรมความรู้เกี่ยวกับเรื่องของกฎจราจร
 เป็นเวลา 4 ชั่วโมง  เสร็จแล้วก็ไปสอบข้อเขียน ซึ่งเดี๋ยวนี้เป็นแบบสมัยใหม่เป็นแบบกดจาก
คอมพิวเตอร์ ทราบผลทันที โดยต้องมีคะแนนมากว่า 70 % 
                 เมื่อผ่านข้อเขียนแล้ว ก็จะได้ใบนัดให้มาสอบปฏิบัติขับรถยนต์ ซึ่งสามารถสอบขับรถยนต์
ได้ภายในเวลาไม่เกิน 90 วัน หลังจากวันที่ออกใบนัด นี่แหละที่ผู้เข้าสอบส่วนใหญ่กลัวนัก
กลัวหนาว่าจะไม่ผ่าน...อิอิ...นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผู้เขียนไม่ไปสอบใบขับขี่ซักทีด้วย  ทีนี้เรามาดูกัน
ซิว่าไอ้ที่เค้าว่ากันว่ามันยากนักหนาน่ะ เค้าสอบปฏิบัติกันยังไง



  สอบปฏิบัติ มี 4 ท่าสำคัญ คือ
 1.การถอยเข้าจอด (เข้าซอง)
 2. การหยุดเทียบทางเท้า 
 3.การเดินหน้าถอยหลังรถในทางแคบ 
 4.การปฏิบัติตามกฎจราจร
                รู้ขั้นตอนและแนวทางในการสอบแล้ว ที่เหลือก็คงเป็นทักษะในการฝึกฝนล่ะนะ ขอให้ผู้ที่
กำลังจะไปสอบใบขับขี่ทุกคนโชคดีสอบผ่านในรอบเดียวนะคะ  อิอิ...รวมทั้งตัวผู้เขียนเองด้วย...
สู้...สู้..





วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เรื่องแมว...แมว...

                   เปิดหัวข้อแรกของบล๊อก  ขอเอาใจตัวเอง และคนรักแมวทั้งหลายซะหน่อย เริ่มกันที่เรื่องแมว..แมว...ดีกว่า  อันดับแรก เรามารู้จักกับแมวประจำชาติของเราก่อนเลย..นั่นคือแมวไทย 
                       แน่นอนว่า แมวไทย  ก็ต้องเป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศไทย ซึ่ง แมวไทยจัดเป็นแมวพันธุ์แท้ที่สืบเชื้อสายมาจากแมวโบราณ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นแมวขนสั้นที่สวยสง่าที่สุดในโลก  เพราะแมวไทยมีรูปร่างที่สมส่วน ศีรษะไม่กลมหรือแหลมจนเกินไปหน้าผากกว้าง จมูกสั้น หูตั้ง ลำตัวเพรียวบาง รูปร่างขนาดปานกลาง ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัวหางยาว โคนหางใหญ่ปลายหางเรียวแหลมชี้ตรง  มีขนที่อ่อนนุ่ม รวมถึงจุดเด่นที่สำคัญอีกอย่างคือสีสันที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความฉลาด รักบ้านรักเจ้าของรู้จักประจบ 
                       ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า แมวไทย นั้นมีต้นกำเนิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือมีทั้งสิ้นกี่สายพันธุ์ แต่ตามสมุดข่อยโบราณระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรว่า แมวไทยในสมัยอยุธยานั้นมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 23 สายพันธุ์ โดยแบ่งเป็น
แมวให้คุณ 17 สายพันธุ์  ดังนี้ วิเชียรมาศ ศุภลักษณ์ มาเลศ โกนจา นิลรัตน์ วิลาศ เก้าแต้ม รัตนกำพล นิลจักร มุลิลา กรอบแว่น ปัดเสวตร กระจอก สิงหเสพย์ การเวก จตุบท และแซมเศวตร 




แมวให้โทษ  6 สายพันธ์ ดังนี้ ทุพลเพศ พรรณพยัคฆ์ ปีศาจ หิณโทษ กอบเพลิง และเหน็บเสนียด


                              ซึ่งสาเหตุที่มีการแบ่งแมวไทยออกเป็นแมวให้คุณกับแมวให้โทษนั้น เป็นความเชื่อของคนในสมัยโบราณโดยดูจากบุคลิกลักษณะของแมวแต่ละสายพันธุ์ ว่าเลี้ยงแล้วจะนำสิ่งที่ดี ๆ หรือสิ่งชั่วร้ายมาสู่ผู้เป็นเจ้าของ
                            และในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อพระองค์ได้ทรงพระราชทานแมวไทยสายพันธุ์วิเชียรมาศคู่หนึ่งให้กับกงสุลอังกฤษ ซึ่งกงสุลอังกฤษคนนั้นได้นำแมวไทยไปประกวดที่ประเทศอังกฤษโดยผลปรากฏว่าแมวไทยชนะเลิศในประเภทแมวขนสั้น ส่งผลให้แมวไทยมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ทั้งนี้ในสมัยนั้นแมวไทยจะเลี้ยงอยู่ในวังเท่านั้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์วิเชียรมาศ ชาวบ้านธรรมดาไม่มีสิทธิ์ในการเลี้ยงแมวไทย และห้ามไม่ให้ซื้อขายแมวไทยกันด้วย
                           กาลเวลาล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบัน จากเดิมที่มีทั้งสิ้น 23 สายพันธุ์ ทุกวันนี้แมวไทยเหลือเพียง 6 สายพันธุ์เท่านั้น ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะแมวไทยในวังเริ่มลดจำนวนลง แมวกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่กระจัดกระจายตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ในวัด หรือตามบ้านเรือนประชาชน ขาดการควบคุมดูแลอย่างเป็นจริงเป็นจัง ทำให้แมวไทยไปผสมกันเองตามธรรมชาติจนเกิดการข้ามสายพันธุ์ ในยุคหลัง ๆ แมวไทยเดิมพันธุ์แท้เริ่มหายากเข้าไปทุกที จนสุดท้ายเริ่มหมดไปเรื่อย ๆ เหลืออยู่เพียง 6สายพันธุ์ 
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแมวให้คุณทั้งสิ้น ดังนี้
วิเชียรมาศ  เมื่อแรกเกิดจะมีขนสีขาวทั้งหมด พอโตขึ้นขนจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเทาอ่อน ๆ แต่ที่ปาก หาง เท้าทั้งสี หูทั้งสองข้าง และที่อวัยวะเพศอีกหนึ่งแห่ง รวมทั้งสิ้นเก้าแห่งมีสีดำหรือสีเข้มกว่าส่วนอื่น ๆ  มีนัยน์ตาประกายสดใส ใครเลี้ยงไว้มีคุณค่ายิ่งจะนำทรัพย์สมบัติมาให้
ศุภลักษณ์  หรือมีอีกชื่อว่า “ทองแดง” จะมีสีขนเป็นสีทองแดงตลอดทั้งตัว นัยน์ตาเป็นประกาย ใครเลี้ยงไว้จะนำมาซึ่งยศถาบรรดาศักดิ์
แซมเสวตร  มีขนสีดำแซมขาว ขนบางและสั้น รูปร่างเพรียว มีในตาเหมือนหิ่งห้อย ใครเลี้ยงไว้ดี มีคุณหนักหมา
โกนจา  จะมีสีดำละเอียด ในตาสีดอกบัวแรกแย้ม หางเรียวยาว ท่าทางการเดินสง่าเหมือนสิงโต ใครที่เลี้ยงแมวพันธุ์นี้ไว้จะได้รับแต่สิ่งที่ดี ๆ
สีสวาด หรือ มาเลศ หรือ แมวโคราช  มีขนสีดอกเลาเปรียบเสมือนกับเมฆสีเทายามฟ้ายับฝน มีนัยน์ตาหยาดเยิ้มประหนึ่งน้ำค้างบนกลีบบัว เป็นแมวที่เชื่อกันว่านำมาซึ่งความสุข ความเป็นมงคลให้กับผู้เลี้ยง
ขาวมณี  แมวไทยอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ไม่ได้มีระบุไว้ในสมุดข่อยโบราณ แต่ก็ถูกจัดว่าเป็นแมวไทยด้วยเช่นกัน เป็นสายพันธุ์ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดในปัจจุบัน เชื่อกันว่าเพิ่งถือกำเนิดขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ มีสีขนและผิวกายขาวสะอาด ขนสั้นนุ่ม รูปร่างลำตัวยาว ขาเรียว ทรงเพรียวลม ไม่อ้วนหรือผอมเกินไป หัวไม่กลมโต แต่เป็นทรงสามเหลี่ยมคล้ายหัวใจ ดวงตาจะรีเล็กน้อย ในตาเป็นสีฟ้าหรือเหลืองอำพันสีใดสีหนึ่ง เมื่อนำแมวขาวมณีตาสีฟ้า ผสมกับแมวขาวมณีตาสีอำพัน ลูกที่ออกมาจะมีตาสองสี
              
ที่มา  :  Pet Mania


                  สำหรับแมวที่ผู้เขียนเลี้ยงไว้ในชีวิตเคยมีพันธุ์ไทยแท้กับเขาแค่ตัวเดียว คือพันธุ์ศุภลักษณ์ หรือ "ทองแดง" ที่เหลือเป็นพันธุ์ผสม หรือที่ผู้เขียนเรียกว่า "พันแข้ง พันขา" นั่นเอง ฮ่าๆๆๆๆ แถมท้ายด้วยรูป บรรดาลูกๆที่แสนจะวุ่นวายของผู้เขียนเอง